โรคไข้เลือดออก
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นไข้เลือดออก
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกนั้นจะมีไข้สูงอยู่ประมาณ
2-7 วัน จะปวดเมื่อยไปตามตัว
มีจุดแดงๆ ตามลำตัว แขน ขา ปวดศีรษะปวดศีรษะ อาเจียน มีอาการคลื่นไส้
และเบื่ออาหาร และสำหรับคนที่มีอาการรุนแรงนั้นมือเท้าจะเย็น กระสับกระส่าย และไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกส่วนใหญ่มักจะพูดคุยไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอาจจะเสียชีวิตได้หลังจากการช็อกภาย
ใน 12-24 ชั่วโมง
หลังจากที่ได้รับเชื้อจากยุงประมาณ 5-8 วัน (ระยะฟักตัว) ผู้ป่วยนั้นจะเริ่มมีอาการของโรค
จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีความรุนแรงที่แตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยมีอาการคล้ายไข้แดงกี่
ไปจนถึงมีอาการรุนแรงมากจนกระทั่งช็อกและอาจเสียชีวิตได้ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลในเวลาที่เร็วที่สุด
การดูแลผู้ป่วยในระยะแรกญาติอาจจะต้องเป็นผู้
ดูแลเอง ถ้าหากว่าแพทย์ยังไม่ได้รับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล และผู้ป่วยจะมีเลือดออกร้อยละ
70 และจะมีไข้อยู่ประมาณ
3-4 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการช็อกในวันที่ 5 ของไข้ บางคนก็ร้อยละ 2-10 จะมีไข้สูง 2-3 วัน วันที่ช็อกเร็วที่สุดคือวันที่ 3 นับจากวันที่มีไข้
โรคไข้เลือดออก
1. ในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยมีไข้สูง ในบางรายถ้ามีไข้สูงมากอาจจะมีอาการชักได้ โดยเฉพาะเด็กที่เคยมีอาการชัก หรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน ต้องให้กินยาลดไข้พวกพาราเซตามอน ห้ามให้กินยาพวกแอสไพลิน เพราะถ้าใช้ยาพวกแอสไพลินจะทำให้เกล็ดเลือดเสียการงานได้นะค่ะ และจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารและเลือดออกได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้ถ้าใช้ยาลดไข้มากเกินไปจะมีภาวะเป็นพิษต่อตับ และควรจะใช้การเช็ดตัวลดไข้ด้วย
1. ในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยมีไข้สูง ในบางรายถ้ามีไข้สูงมากอาจจะมีอาการชักได้ โดยเฉพาะเด็กที่เคยมีอาการชัก หรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน ต้องให้กินยาลดไข้พวกพาราเซตามอน ห้ามให้กินยาพวกแอสไพลิน เพราะถ้าใช้ยาพวกแอสไพลินจะทำให้เกล็ดเลือดเสียการงานได้นะค่ะ และจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารและเลือดออกได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้ถ้าใช้ยาลดไข้มากเกินไปจะมีภาวะเป็นพิษต่อตับ และควรจะใช้การเช็ดตัวลดไข้ด้วย
2.
ผู้ป่วยต้องได้น้ำชดเชย เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีไข้สูง
อาเจียน ปวดศีรษะ และผู้ป่วยจะเบื่ออาหาร ฉะนั้นควรให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายผงน้ำตาลเกลือแร่
(โอ อาร์ เอส) และผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียนให้ดื่มบ่อยๆ และต้องครั้งละน้อยๆ
ด้วยนะค่ะ
3.
ที่สำคัญญาติจะต้องเฝ้าสังเกตอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพราะจะได้ป้องกันและตรวจพบอาการช็อกได้ทันเวลา
อาการช็อกนั้นมักจะเกิดพร้อมวันที่มีไข้ลดลงในวันที่ 3 ของการมีไข้ หรืออาจจะแล้วแต่ระยะเวลาของการเป็นไข้ ถ้าผู้ป่วยมีไข้ 6
วัน อาจจะช็อกในวันที่ 7 ก็เป็นไปได้เหมือนกันค่ะ
และแพทย์ควรแนะนำอาการนำของช็อกให้ญาติของผู้ป่วยทราบด้วย ผู้ป่วยจะมีอาการเบื่ออาหารมากขึ้น
ไม่ดื่มน้ำและรับประทานอาหารเลย จึงทำให้มีการปัสสาวะและขับถ่ายน้อยลง
มีอาการปวดท้อง มือและเท้าเย็น มีอาการสั่นเป็นช่วงๆ
ถ้ามีอาการดังที่กล่าวให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที
4.
เมื่อผู้ป่วยถูกส่งไปที่สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลแล้ว แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อดูปริมาณเกล็ดเลือดและ
hematocrit และนัดมาตรวจดูการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ เพราะถ้า hematocrit
เพิ่มสูงขึ้นและปริมาณเกล็ดเลือดลดลง
นั่นคือน้ำเลือดรั่วออกจากเส้นเลือด และอาจจะทำให้ช็อกได้
จึงเป็นที่จะต้องใช้สารน้ำชดเชย
5.
อันที่จริงแล้วแพทย์ไม่จำเป็นต้องรับผู้ป่วยเข้ารักษาทุกรายก็ได้
อย่างเช่นผู้ป่วยระยะแรกที่ยังไม่มีไข้ แพทย์สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกก็ได้ และให้เฉพาะไปรับประทาน
และแพทย์ต้องแนะนำให้ญาติเฝ้าสังเกตอาการหรือให้แพทย์นัดไปตรวจเป็นระยะๆ และตรวจดูอาการไปเรื่อยๆ
จนผู้ป่วยมีอาการช็อกให้แพทย์รับไว้รักษาในโรงพยาบาล และต้องรีบด่วนในการรักษาด้วยนะค่ะ
สมุนไพร รักษาไข้เลือดออกเบื้องต้น
ก่อนที่จะไปพบแพทย์คือแห้วหมู วิธีการก็คือ ให้เอาหัวแห้วหมูสดหรือแห้งก็ได้
ถ้าแห้วหมูสดให้ล้างน้ำสะอาดประมาณ 1 กำมือเท่านั้น
ถ้าแบบแห้งให้แช่น้ำไว้ 30 นาที ให้หัวอ่อนก่อน แล้วตำให้ละเอียดนำไปผสมกับเหล้าขาว
35 ดีกรี หรือ 40 ดีกรี 1 ขวด แล้วแช่ไว้ประมาณ 30 นาที
จากนั้นให้กรองเอาเฉพาะเหล้า 1 แก้ว แล้วดื่มให้หมดแก้ว
เพื่อขับพิษไข้ให้อาเจียนออกให้หมด หากไข้ยังสูงอยู่ให้ดื่มอีก 1 แก้ว จากนั้นให้พาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจะช่วยให้หายเร็วขึ้น
หากว่ากลับจากโรงพยาบาลแล้วผู้ป่วยยังมีอาการปวดศีรษะอยู่ให้ใช้ยา
5 ราก มีรากย่านาง รากคนทา รากมะเดื่อชุมพร
รากเท้า-ยายม่อมและรากต้นซิงซี่ เป็นแบบแห้ง ใช้ในปริมาณพอสมควรในจำนวนเท่าๆ กัน
จากนั้นบดเป็นผงตัก 1 ช้อนชา แล้วชงกับน้ำอุ่นกิน 3 เวลา ให้ดื่มก่อนอาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเย็น จนกว่าจะหายดี
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคไข้เลือดออก
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคไข้เลือดออก
การ ป้องกันไม่ให้เกิดโรคไข้เลือดออกก็คือ
กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และพยายามหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ลายกัดได้ ยุงลายนั้นชอบออกหากินในเวลากลางวัน
และในบ้านของคุณลองสังเกตดูว่ามีตรงไหนบ้างที่มีน้ำขังก็ให้รีบแก้ไขให้เร็ว ที่
เช่น
- ถ้วยรองขาตู้กับข้าวให้เติมน้ำเดือดลงไปทุกๆ
7 วัน หรือใส่ขัน/เกลือ น้ำส้มสายชู/ขี้เถ้า ขวด
- เลี้ยงพลูด่างควรเปลี่ยนน้ำทุกๆ
7 วัน
- โอ่งน้ำให้ปิดฝาให้มิดชิด
หรือถ้าโอ่งไม่มีฝาให้ใส่ทรายอะเบท 1 กรัม/น้ำ 10 ลิตร
- จานรองกระถางต้นไม้ให้เทน้ำที่ขังอยู่ทิ้งลงพื้นดินทุก
7 วันหรือใส่ทรายธรรมดา
- จานรถยนต์เก่าให้ใช้วิธีปกปิดเจาะรูหรือดัดแปลงให้น้ำไม่สามารถขังอยู่ได้
อ่างบัว ให้ใส่ปลาที่กินลูกน้ำด้วย เช่นปลาสอด
ปลาหางนกยูง ปลาหัวตะกั่ว
- แอ่งน้ำให้ใช้ทรายหรือดินกลบถม
- ท่อระบายน้ำอย่าปล่อยให้ท่ออุดตันหลุมบ่อ
การ ป้องกันตนเองจากยุงลาย
เวลาที่คุณอยู่ในบ้านควรอยู่ในที่โล่ง มีลมพัดผ่านได้และมีแสงสว่างเพียงพอเพราะยุงลายชอบไปหลบซ่อนตามมุมมืดของ
ห้อง ที่รกๆ เวลานอนหลับตอนกลางวันให้นอนในห้องที่มีมุ้งลวดหรือให้กางมุ้งนอน เปิดพัดลมช่วยไล่ยุงเพราะยุงลายจะชอบกัดตอนกลางวัน
และถ้าที่บ้านคุณมียุงเยอะจริงให้ใส่กางเกงขาวยาว เสื้อมีแขนหรือเสื้อแขนยาวยิ่งดี
เพื่อที่จะทำให้คุณนั้นเหลือพื้นที่เสี่ยงต่อการถูกยุงกัดให้น้อยที่สุดค่ะ และอีกทางหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้คือทายากันยุงที่ปลอดภัยและควรเป็นยากัน
ยุงที่สกัดจากพืช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น